วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2553

ถึงเวลาเปิดมาตรการกดดันรัฐบาล เพิ่มเติม


อภิสิทธิ์ต้องยึดเก้าอี้ไว้ให้นานที่สุด เพราะแม้แต่ตัวเองก็มั่นใจว่า ชีวิตนี้คงไม่มีโอกาส เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งโดยคนส่วนมากอีกต่อไป ถึงแม้ว่าจะพยายามสร้างภาพบิดเบือนว่า หากเลือกตั้งคราวนี้ พรรคของตนจะได้ สมาชิกสภาผู้แทนฯ มากถึง 244 เสียงก็ตาม แต่นั่นเป็นเพียงความฝัน เป็นเพียงการปลอบใจ หลอกตัวเองเท่านั้น เพราะในความเป็นจริงแล้ว การเลือกตั้งคราวต่อไป พรรคประชาธิปปัตย์ ไม่มีทางที่จะได้ เป็นอันดับหนึ่งในการแข่งขันแน่นอน ยกเว้นว่าจะโกงการเลือกตั้งเท่านั้น

ตอนนี้ยังไม่เห็นหนทางที่จะกดดันให้ อภิสิทธิ์ ยุบสภาฯ เนื่องจากการควบคุมสื่อแบบเผด็จการแล้ว การสร้างเรื่องระเบิดใน กทม. เบี่ยงเบนความสนใจของสื่อมวลชนไปอย่างหน้าด้านๆ และก็ความหน้าด้านของอภิสิทธิ์ นี่แหละ ที่แสดงตัวเหมือนไม่ให้ความสำคัญ ที่จะแก้ปัญหาผ่านระบบรัฐสภาฯ ไม่เข้าร่วมประชุมสภาฯ ขอเลื่อนประชุมร่วมสองสภาฯ ออกไป

มาตรการที่คนเสื้อแดงใช้ที่ผ่านมา และ กำลังใช้ในปัจจุบัน นั้น อาจจะต้องใช้เวลาเนิ่นนาน กว่าจะสามารถรวบรวมพลังมวลชนจำนวนมากกว่า ล้าน คน และ แนวร่วมทั่วประเทศเพื่อนัดกันหยุดงานให้พร้อมเพรียงกัน ไม่ว่าจะเป็นมาตรการ ตามหานายกฯ หรือ มาตรการสละเลือด หรือ มาตรการปรับตัวชุมนุมยืดเยื่อยาวนาน และ ท้ายที่สุด มาตรการ ตาต่อตาเต้นท์ต่อเต้นท์ ก็ตาม เราจะยังคงเห็นได้ว่า อภิสิทธิ์นั้นแกล้งทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ว่างๆ ก็ นั่งเครื่องบินเที่ยว เรื่อยไป แสดงอาการไม่ใส่ใจ

ล่าสุดก็บินไป ดูแม่น้ำโขง ผู้เขียนก็งง ว่าดูทำไม น้ำมันแห้งมาตั้งนานแล้ว นายกเพิ่งจะได้ข่าวหรืออย่างไร แล้วก็ สปอทโฆษณาทางทีวี ที่พยายามเพิ่มนายกเป็นพรีเซนเตอร์ ก็ เริ่มมีออกมาให้เห็นแล้ว ได้กลิ่นอายของการเลือกตั้งใกล้เข้ามาอย่างช้าๆ

ผู้เขียนยังขอยืนยัน ในมาตรการที่เห็นว่าจะสามารถทำควบคู่ไปกับการชุมนุม และเป็นการเร่งกดดัน ให้ นายกฯ ยุบสภาฯ คืนอำนาจให้เร็วขึ้น ผู้เขียนขอนำเสนอย้ำ ดังต่อไปนี้

มาตรการเข้าชื่อถอดถอน นายกรัฐมนตรี และ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง โดยอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 304 โดยผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าชื่อ ห้าหมื่นคนขึ้นไป ยื่นถอดถอนผ่านวุฒิสภาฯ

สิ่งที่ผู้เขียนอยากจะเน้นก็คือ เรื่องของผลลัพธ์จากการตรวจสอบนั้น เป็นเรื่องที่คาดหวังไม่ได้ ว่า ปปช. จะให้ความยุติธรรมโดยการไต่สวนอย่างยุติธรรม และ อาจจะใช้เวลานาน

เราต้องการผลลัพธ์ ทางอ้อมคือ ใช้จำนวนประชาชนที่แสดงตัวผ่านลายเซ็นและสำเนาบัตรประชาชน นั้น เป็นแรงกดดัน แบบวันต่อวัน หากมีคนลงชื่อมากกว่าล้านคนแล้ว นายก และ รองนายกฝ่ายความมั่นคง ก็ จะ ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่า เป็น รัฐมนตรีที่มีคนเข้าชื่อถอดถอนมากที่สุดในประวัติศาสตร์โลก

เป็นการกดดันทุกชั่วโมงเมื่อแกนนำประกาศบนเวที ว่า ขณะนี้ ได้รายชื่อ ห้าแสนคนแล้ว ขณะนี้ได้รายชื่อ แปดแสนคนแล้ว และมีการนำขบวนผู้ชุมนุมนำรายชื่อจากต่างจังหวัดเข้ามาส่ง เป็นการรวมล้านใจ ขับไล่ รัฐบาลอำมาตย์

คนเสื้อแดงอาจจะยื่นถอดถอนนายก ในข้อกล่าวหาว่า อภิสิทธิ์ สั่งการให้มีการสร้างสถานการณ์เพื่อสลายการชุมนุมเมื่อ เมษายน ปี 52 และ ข้อกล่าวหาเทพเทือกว่า ใช้กฎหมายใดในการร่วมมือโจรกรรม ข้อมูลการสื่อสารระหว่างประเทศ เป็นต้น

ทางแกนนำอาจจะมี ข้อกล่าวหาอื่นที่ดีกว่านี้ แต่ผู้เขียนเชื่อว่า การร่วมลงชื่อผลักดันนั้น จะเป็นการกดดันที่ดี ตามแนวทางสันติวิธี อีกมาตรการหนึ่ง


ถอดถอนมัน!!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น