วันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2553

อำมาตย์ถือกระบอง สัญญาณความรุนแรงมาจากใคร


เมื่อคนเสื้อแดง แสดงจุดยืนภายใต้รัฐธรรมนูญ เพื่อทำการชุมนุมโดยสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ แต่รัฐบาลกลับมีการสั่งการให้ทหารตำรวจเตรียมพร้อมรับมือความรุนแรง อีกทั้งรัฐบาลยังใช้อำนาจกดดันสื่อ ให้เผยแพร่ข้อมูลในทำนองที่จะลดความชอบธรรมของการชุมนุมอย่างสงบของคนเสื้อแดง

เริ่มตั้งแต่ เมษาเลือด ปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน สื่อเหลือง และ สื่อรัฐ ได้มีการใส่ร้าย ใส่ความ การดำเนินการทางด้านการเมืองของประชาชนมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นรถแก๊สที่ขู่ระเบิดแฟลตดินแดง รวมไปถึงการเผารถเมล์ ทุบรถนายกที่กระทรวงมหาดไทย การฆาตกรรม สองศพ ที่นางเลิ้ง โดยที่ไม่มีการดำเนินคดีใดๆ กับผู้ที่ก่อเหตุให้เกิดสถานการณ์เหล่านั้น ไม่มีการจับคนที่นำรถบรรทุกแก๊สมาจอด ไม่มีการแจ้งความจับบุคคลที่ก่อเหตุปล้นรถเมล์มากกว่า ห้าสิบคันเพื่อเผาทำลาย ในเขตพื้นที่ กทม. ไม่มีความพยายามค้นหาฆาตกรสองศพที่นางเลิ้ง

การลอบทำร้ายคนเสื้อแดง และ การเกณฑ์ คนมาใส่เสื้อน้ำเงิน เพื่อปะทะกับคนเสื้อแดงที่พัทยา ก็ เช่นกัน และ ยังไม่ได้รวมไปถึง การยิงมัสยิด และ การลอบทำร้ายคนเสื้อแดงบนถนนเพชรบุรี

สิ่งที่รัฐบาลทำคือ เผยแพร่ข่าวสารด้านเดียวตลอดมา เพื่อให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่า นั่นเป็นการกระทำของคนเสื้อแดง แต่ ไม่มีการดำเนินคดี

การชุมนุมครั้งนี้ก็เช่นกัน ทุกครั้งที่คนเสื้อแดงประกาศจะจัดการชุมนุมในเขต กรุงเทพมหานคร รัฐบาลได้ประกาศ กฎหมายมั่นคง ทุกครั้ง

สิ่งที่ประชาชนรู้สึกได้ คือ สื่อกระแสหลัก สื่อรัฐ และ สื่อเหลือง โหมประโคมข่าว ชี้นำ ยัดเยียด ให้ประชาชนทั่วไปรับทราบว่า จะต้องเกิดความรุนแรงขึ้นในการชุมนุมของคนเสื้อแดง คนเสื้อแดงจะต้องทำเรื่องเลวร้ายแน่นอน คนเสื้อแดงไม่ใช่คนดีที่ทำเพื่อประชาธิปไตย บ้างก็กล่าวหาว่า คนเสื้อแดงนั้นทำเพื่อเงิน ทำเพื่อทักษิณ

กลับกัน รัฐบาลไม่มีพื้นที่บนสื่อรัฐ และ สื่อกระแสหลัก ให้แก่คนเสื้อแดง แต่อย่างใด รัฐบาลเพิ่มพื้นที่สื่อให้ ปฏิปักษ์ทางการเมืองของคนเสื้อแดงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่สนใจข้อคัดค้านแต่อย่างใด และชัดเจนที่สุดว่า รัฐบาล มีความพยายาม และ ความพร้อม ที่จะเข้าปิดกั้น ทำลาย และ ขัดขวาง การสื่อสารของคนเสื้อแดง ได้ทันทีที่มีคำสั่ง

การปล่อยข่าว ของนักการเมือง ฝ่ายรัฐบาล ก็ชัดเจน เริ่มตั้งแต่ รองนายกฯ ซึ่งไม่เคยมีบันทึกในประวัติศาสตร์ว่าเคยทำความดีงามใดๆให้แก่สังคมไทย อย่างเทพเทือกนั้น ก็ออกมาใส่ความคนเสื้อแดงเรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปาระเบิด การก่อวินาศกรรมให้เกิดแก่สาธารณะสมบัติ และก็มีการรับลูก ผสมโรงกันอย่างเอิกเกริก ไม่ว่าจะเป็นทีมโฆษกรัฐ และ โฆษกพรรคฝ่ายรัฐบาล ที่รวมกันแล้วสามารถตั้งทีมฟุตบอลเตะกันเองได้ ออกมาใส่ร้ายใส่ความ คนเสื้อแดงไม่เว้นวันหยุดราชการ


ล่าสุด ยังใช้อำนาจรัฐ ลงไปปลุกระดมประชาชนในพื้นที่ กรุงเทพฯ ให้เข้าใจว่า คนเสื้อแดงจะมาก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่ชุมชน และที่ให้อภัยไม่ได้แต่ รัฐบาลยังคงปล่อยให้มีเหตุการณ์ ใส่ร้าย คนเสื้อแดงโดยการดึงเบื้องสูงลงมาใส่ร้ายคนเสื้อแดง โดยตลอด

รัฐ ไม่เปิดโอกาสให้ ตัวแทนของคนเสื้อแดง ชี้แจงผ่านสื่อรัฐ และ สื่อกระแสหลัก ว่าจุดมุ่งหมายของคนเสื้อแดงคืออะไร และจะมีกิจกรรมอะไร รัฐเอาแต่ใส่ร้าย และ สรุปเบ็ดเสร็จเผด็จการ ว่าคนเสื้อแดงนั้นอันตราย แต่ รัฐบาลพร้อมที่จะควบคุม ปราบปราม

การส่งทหารลงพื้นที่ล่วงหน้า สองถึงสามสัปดาห์ การให้ข่าวด้านเดียวในเชิงยั่วยุ ดูถูก ผู้ชุมนุม ประกอบกับ การออกกฎหมายควบคุม ลิดรอน สิทธิของประชาชน การควบคุมสื่อแบบเบ็ดเสร็จ เหล่านี้ แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลมีความพยายาม และความต้องการที่จะ ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง

รัฐบาลชุดปัจจุบัน หนีไม่พ้นสัญลักษณ์แห่งเผด็จการ ในสายตาของประชาชนคนไทย ไม่ว่าจะเป็นที่มาของรัฐบาลชุดนี้ ตั้งแต่การตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร การบังคับใช้กฎหมายของคณะปฏิวัติรัฐประหาร การบังคับใช้กฎหมายสองมาตรฐาน การแสดงทัศนคติดูถูกประชาชน ไม่เคารพการตัดสินใจในทิศทางของสังคมโดยคนส่วนใหญ่ การใส่ร้ายภาคประชาชน ในเรื่องล้มจ้าว การควบคุมสื่อ

สัญญาณ ที่ชี้ให้เห็นถึงประเด็นความขัดแย้งจนอาจก่อให้เกิดความรุนแรงถึงขั้นเสียเลือดเนื้อของประชาชนคนไทย มาจากฟากรัฐบาลแทบทั้งสิ้น

รัฐบาล และ อำมาตย์ คงจะลืมไปว่า ตนเองและพวกพ้องนั้น มีการทุจริตโครงการรัฐ มีการทุจริตที่ดินสาธารณะ ไม่มีความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดิน ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และ สิ่งแวดล้อม มีแต่ความพร้อม และ รังสีอำมหิต ที่แสดงเป็นสัญญาณออกมาว่า รัฐบาลอำมาตย์ พร้อมแล้ว ที่จะทุบ ทำร้าย ประชาชนคนเสื้อแดงโดยไม่เลือกวิธีการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น