วันพุธที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2553

อภิสิทธิ์ ดึงฟ้าต่ำ ค้ำยันเก้าอี้แห่งอำนาจ


แต่ไม่ว่าเครือข่ายดังกล่าวมีจริงหรือไม่? หรือแผนผังดังกล่าวเป็นจริงหรือเท็จ? มันล้วนเป็นประเด็นต่างหากออกไปจากหน้าที่ทางการเมืองที่แท้จริงของแผนผังเครือข่ายล้มเจ้า นั่นคือการส่งสารถึงคนไทยว่า:

หากท่านไม่ยอมรับรัฐบาลอภิสิทธิ์ว่าเป็นของท่านและไม่ยอมทำตามคำสั่งของรัฐบาล เพราะท่านเห็นว่ารัฐบาลนี้ฟอร์มขึ้นในค่ายทหารร่วมกับกลุ่มการเมืองยี้ก็ดี หรือเพราะรัฐบาลนี้ปราบม็อบผิดพลาดจนทำคนตายกว่ายี่สิบและบาดเจ็บหลายร้อยก็ดี

ไม่เป็นไร เอาอย่างงี้ก็แล้วกัน ขอให้ท่านหันมายอมรับรัฐบาลนี้เป็นของท่านและทำตามคำสั่งของรัฐบาลเสียใหม่ในฐานะที่รัฐบาลนี้เป็นผู้ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้จากเครือข่ายล้มเจ้าตามแผนผังของรัฐบาลที่ยังรอหลักฐานการพิสูจน์เทอญ!

และแล้วต้นทุนการเมืองวัฒนธรรมก้อนสุดท้ายของรัฐชาติไทยก็ถูกล้วงหยิบฉวยใช้มาชะลอความเสื่อมทรุดผิดพลาดเฉพาะหน้าของรัฐบาลอย่างนั้นเอง.....


บทความของเกษียร เตชะพีระ ข้างต้น เป็นส่วนหนึ่งของบทความซึ่งกล่าวถึง แผนผัง ขบวนการล้มเจ้า ในจินตนาการของ ศอฉ. ซึ่งเวลานี้ ประชาชนได้แปลความไปเป็น ศูนย์อำนวยความฉิบหายวายวอดไปแล้ว นาทีนี้ คุณ เกษียรได้เขียนให้เห็นภาพชัดเจนกว่าใครๆที่ผมได้อ่านมาเกี่ยวกับ แผนผัง ที่เปิดเผยโดย ศอฉ. เมื่อไม่กี่วันมานี้

คนที่มีชื่ออยู่ในแผนผัง อย่าง สมศักดิ์เจียมฯ ยังออกมาขำ และ วิเคราะห์ว่า
"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ: กำลังแต่งภาพละครแขวนคอ"

ความเฉียบคมของท่านผู้อ่านหลายท่านที่ได้สนทนากันผ่านโลกไซเบอร์ ได้แสดงให้เห็นกันชัดเจนแล้วว่า แผนผังนี้เป็นเพียง หมากตาหนึ่ง ที่ รัฐบาล เลือกเดิน เพื่อชัยชนะของตน ไม่ใช่ชัยชนะของประเทศชาติ ดังที่รัฐบาลกล่าวอ้าง แต่อย่างใด

วันนี้หากท่านผู้อ่านถามใคร ก็จะได้คำตอบเป็นภาพที่ชัดเจน ให้เห็นว่า มันเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ต่อเนื่องที่รัฐบาลปฏิบัติ กล่าวคือ

ใส่ร้ายประชาชนผู้ชุมนุมตั้งแต่ต้น (1) ว่าเป็นพวกที่ไร้อุดมการณ์ ไร้การศึกษา ถูกจ้างมา และ อภิสิทธิ์ ก็ มายอมรับทีหลังว่า คนส่วนใหญ่มาชุมนุมด้วย ความบริสุทธิ์ใจ, (2) จากนั้น ใส่ร้ายว่า เป็นพวกหัวรุนแรง ชอบความรุนแรง แต่ไม่เคยเกิดเหตุการณ์รุนแรงใด จนเป็นคดีความให้เห็นตามสื่อเลยแม้แต่นิดเดียว, (3) จนมาถึงข้อครหาเรื่อง ผู้ก่อการร้าย ทั้งๆที่อภิสิทธิ์ เอง ที่สั่งให้เจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธสงคราม รถถัง และ กระสุนจริง เข้าสลายการชุมนุมในยามค่ำมืด จนเป็นสาเหตุให้เกิด ความสูญเสียต่อชีวิต และ ร่างกายของประชาชนจำนวนมาก, และ (4) ในที่สุด รัฐบาล ก็ได้เลือกสถาบันเบื้องสูง ดึงลงมาเป็นอาวุธสุดท้าย เพื่อสร้างความชอบธรรมในการสลายการชุมนุมของประชาชน ปราบปรามประชาชนที่ไม่ยอมรับตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี

เมื่อเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ สถาบันเบื้องสูง เป็นเรื่องที่ระเอียดอ่อน เป็นเรื่องที่ง่ายต่อการกระทบกระทั่งจิตใจ กระทบกระทั่งต่อความศรัทธรา ของประชาชนจำนวนมาก

กลยุทธ์นี้ ได้เริ่มดำเนินการแล้ว ต่อเนื่องมาจากกระแสที่ กลุ่มพันธมิตร ได้เคยสร้างขึ้น คือ พยายามใส่ร้ายศัตรูทางการเมืองให้เป็น ผู้ไม่หวังดีต่อสถาบัน รัฐบาล และ ศอฉ. กำลังดำเนินการตามแนวทาง พันธมิตร เพียงแต่เปลี่ยนตัวนำ จาก แป๊ะลิ้ม มาเป็น เนรวิน แท็กทีม กับไก่อู สันดาน โดยกำเนิด ที่ออกมาเผยแพร่แผนผังนี้ ควบคู่ไปกับความเคลื่อนไหวของ หลากสีลายด่างก่อนหน้านี้ ที่เปิดไพ่ เคลื่อนไหว อ้างว่าปกป้องสถาบัน ควบคู่ไปกับ

เนรวินที่เงียบไปนาน ก็ ออกมาบีบน้ำตา อีกครั้งหลังแพร่ภาพ พลเอก ชวลิต นาน หนึ่งนาทีสิบเก้าวินาที ทั้งๆที่ ภาพวีดีโอ นั้นยาวหนึ่งชั่วโมง ประกอบกับ หนังสือ ที่มีท่วงทำนอง ส่งเสริมสถาบันเบื้องสูง ที่ พลเอก ชวลิต เผยแพร่ออกมาในเวลาเดียวกัน

ไม่ต้องพูดถึง สื่อ อย่างช่องสิบเอ็ด ที่นำ เจิมสาก เสรี มาออกทีวี หรือแม้แต่ ตัวหนังสือที่วิ่งวุ่นบนขอบล่างหน้าจอทีวี ต่างก็เป็นพฤติกรรมที่ชี้ให้เห็น ความเคลื่อนไหวของกลยุทธ์ ใช้สถาบันเป็นเครื่องมือทั้งสิ้น

ความพยายามในการเชื่อมโยง ขบวนการประชาชนที่มาเรียกร้องให้ยุบสภา เข้ากับขบวนการล้มเจ้า โดยใช้พลังการจินตนาการขั้นสุดขั้ว ของ ศอฉ. และความพยายามที่จะใช้ ควบคุมนำเสนอ ข้างเดียว ผ่านสื่อ ต่างๆ

เป็นความพยายามปิดปาก ยัดเยียด ไม่ให้ประชาชนคนไทย เห็นต่างจากรัฐบาล ไม่ให้ประชาชนเรียกร้องให้ รัฐบาลยุบสภาโดยเร็ว

เป็นการบังคับให้ประชาชนทนอยู่กับรัฐบาล ที่อ้างเจ้า อ้างสถาบัน ดึงฟ้าต่ำ ทำหินแตก แยกแผ่นดิน อย่างรัฐบาล อภิสิทธิ์ ในปัจจุบัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น