วันอังคารที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2553

ทำไมต้อง “ไม่” ยุบสภา

[ภาพถ่าย แก๊งหมอตุลย์ หมาเมิน]

หากผู้อ่านจะถามหาเหตุผลว่าทำไมถึงมีคนออกมาเรียกร้อง ให้รัฐบาล “ไม่ต้อง” ยุบสภา และให้เดินหน้าปราบปรามผู้ชุมนุม นปช. แดงทั้งแผ่นดิน แล้ว ข้อเรียกร้องของคนเหล่านี้ ชอบธรรม ตามหลักประชาธิปไตยหรือไม่ หรือว่ามีความตื้นลึกหนาบางอย่างไร ทำไม รัฐบาลจึงมีท่าทีตอบสนองคนกลุ่มนี้มากกว่ากลุ่มผู้ชุมนุมที่เรียกร้องให้ยุบสภาในทันที

หากท่านผู้อ่านจะเริ่มพิจารณาจาก จุดเริ่มต้น ของการเรียกร้อง ท่านผู้อ่านคงไม่สามารถหนีพ้นจากการเริ่มต้นพิจารณาที่แกนนำในการเรียกร้อง จากนั้นจึงพิจารณาข้อเรียกร้อง พิจารณาเหตุผลที่ใช้สนับสนุนข้อเรียกร้อง และ พิจารณา วิธีการ ที่จะนำพากลุ่มคนหลากสีไปสู่จุดมุ่งหมาย คือ นายกไม่ต้องยุบสภา

บุคคลซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้น ของขบวนการหลากสี ก็คือ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ หรือ หมอตุลย์ นั่นเอง หลังจากที่หมอตุลย์ ได้แอบตรวจเลือดคนเสื้อแดงแล้วจงใจเผยแพร่ออกสื่อสาธารณะว่า พบ เลือดวัว เลือดควาย ไวรัสเอดส์ ไวรัสตับอักเสบ จำนวนมาก จากเลือดที่ไปแอบตักมาจากพื้น หลังจากที่ นปช. นำไปเทที่ทำเนียบนั้น หมอตุลย์ก็หายเงียบไป จนออกมาเปิดตัวอีกครั้ง หลังเหตุการณ์ ฆ่าประชาชนที่สี่แยกคอกวัว

หมอตุลย์ เป็นสมาชิกของกลุ่มโหนเจ้า หรือ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชัดเจน ทั้งการยึดทำเนียบ การยึดสนามบิน หมอตุลย์มีส่วนร่วมด้วยทั้งสิ้น ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจ ว่าทำไม ทุกย่างก้าวหมอตุลย์ เดินตรงข้ามกับเส้นทางของ นปช. ตลอดเวลา

ผู้อ่านจึงสามารถที่จะสรุปได้ในส่วนของ แกนนำว่า เบื้องหลังนั้น มีอคติ แอบแฝงอยู่ในการกระทำของแกนนำคนหลากสีแน่นอน

จากนั้นท่านผู้อ่านจึงพิจารณาข้อเรียกร้องหลัก ของกลุ่มเสื้อหลากสีที่มีแกนนำซึ่งมีอคติ นั้น ชอบธรรมหรือไม่

ข้อเรียกร้องของกลุ่มหลากสีนำโดยหมอตุลย์นั้น มีข้อเรียกร้องหลักอยู่สองข้อคือ (1) เรียกร้องให้นายก ไม่ต้องยุบสภา และคัดค้านข้อเรียกร้องของ นปช. ที่เรียกร้องให้มีการยุบสภา และ (2) เรียกร้องให้รัฐบาลคืนความสงบสุขให้แก่สังคม – ผู้เขียนเห็นว่าข้อเรียกร้องทั้งสองนั้นเป็นข้อเรียกร้องที่ สามารถแสดงออกได้ตามสิทธิที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ

จากนั้นท่านผู้อ่านสามารถที่จะเริ่มพิจารณา เหตุผลที่ใช้ประกอบข้อเรียกร้อง ของกลุ่มหลากสีทั้งสองข้อ ว่าท่านผู้อ่านเห็นด้วยกับเหตุผลหรือไม่

ข้อเรียกร้องเพื่อไม่ให้ยุบสภานั้น กลุ่มหลากสี เชื่อว่า มาร์ค ยังคงเป็นผู้นำที่มีความชอบธรรม การยุบสภาไม่ใช่ทางออกของปัญหา และ จะก่อให้เกิดวงเวียน หรือ วงจร เดิมๆซ้ำอีก เช่น หากมาร์คยุบสภาแล้ว ประชาชนเลือก มาร์คให้กลับมาเป็นรัฐบาลอีก ก็จะมีกลุ่ม นปช. ออกมาประท้วงอีก กลุ่มหลากสีจึงเสนอให้ นายก ปฏิรูปประเทศก่อนที่จะมีการตัดสินใจยุบสภา

ในส่วนข้อเรียกร้องที่จะให้รัฐบาลคืนความสงบสุขให้แก่สังคมนั้น คนหลากสีอ้างว่า เพราะกลุ่ม นปช. เป็นผู้ใช้ความรุนแรง ไม่เอาสถาบัน และ ริดรอนสิทธิของประชาชนโดยทั่วไป ทำให้สังคมไม่สงบสุข จึงต้องให้ผู้มีอำนาจบังคับใช้กฎหมาย ให้คืนความสงบสุขกลับมาให้พวกเขา

จากเหตุผลประกอบข้อเรียกร้อง ท่านผู้อ่านต้องพิจารณาให้ชัดเจนว่า ชุดความคิดของผู้เรียกร้อง เป็นชุดความคิดที่ตกผลึก และ ยุติธรรมหรือไม่ เหตุผลประกอบข้อเรียกร้องแรก ผู้เรียกร้องมั่นใจได้อย่างไรว่า ใครจะได้กลับมาเป็นรัฐบาลเพื่อบริหารราชการแผ่นดิน เหมือนกับชุดความคิด ที่ดูถูกคนอื่นว่า “โง่” “ขาดข้อมูล” และ “ซื้อเสียงได้” กล่าวคือ หากมาร์ค กลับมาเป็นรัฐบาลอีก นปช. ก็จะกลับมาประท้วงอีก ซึ่งเป็นชุดความคิดที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการพัฒนาประชาธิปไตยในประเทศไทย คือ ไม่ยอมรับในสิทธิและความเป็นมนุษย์ของอีกฝ่าย ทั้งยังเป็นการดูถูกล่วงหน้าอีก เช่น เมื่อคนส่วนใหญ่เลือกมาร์คกลับมาอีก นปช. ซึ่งประกอบด้วยประชาชนเรือนหมื่นเรือนแสน จะไม่รักษาสัจจะ หรือ อ้างว่าไม่มีสัจจะในหมู่โจร คือ กลุ่มคนหลากสีสรุปไปแล้วว่า ประชาชนเป็นโจร

สืบเนื่องมาจนถึงเหตุผลประกอบข้อเรียกร้องที่สอง คือ พูดให้ดูไพเราะ ว่า ให้รัฐบาลคืนความสงบสุข แต่แท้จริงแล้วคือการเรียกร้องให้ มาร์คใช้กำลังปราบปราม นปช. อย่างเด็ดขาด ซึ่งจะเห็นเป็นอื่นไปไม่ได้ เพราะ วิธีการ ที่ใช้ในการเรียกร้อง มองเผินๆคือการชุมนุมเรียกร้อง และ ยื่นหนังสือ เหมือนการชุมนุมทั่วไป แต่เนื้อหาสาระ ที่เผยแพร่ กลับ สร้างความเกลียดชังและเพิ่มความขัดแย้งอย่างไม่อาจปฏิเสธได้

กลุ่มคนหลากสี ใช้วิธีการ ดึงสถาบันเบื้องสูงลงมาเป็นเครื่องมือ ใสร้ายกลุ่ม นปช. โดยกล่าวหาว่า คนเสื้อแดงต้องการล้มล้างสถาบัน ยังมีการใส่ร้ายว่า คนเสื้อแดงเป็นผู้ก่อการร้าย เป็นพวกใช้ความรุนแรง เป็นพวกไม่มีความคิด คือ “โง่” “ขาดข้อมูล” และ “เงินซื้อได้”

สุดท้ายท่านผู้อ่านลองพิจารณาผลลัพท์ที่จะเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้อง ของกลุ่มเสื้อหลากสี ซึ่งจะมีผลลัพท์และทางออกให้แก่สังคมในทางใด ผู้เขียนจึงได้มอง ผลลัพท์ จากข้อเรียกร้อง ซึ่งอาจจะนำไปสู่เหตุการณ์ต่อไปนี้ (1) รัฐบาลไม่ยุบสภา นปช. ไม่เลิกชุมนุม จนรัฐบาลสลายการชุมนุมแล้ว นปช. กลับมาชุมนุมใหม่ (2) รัฐบาลไม่ยุบสภา นปช. ไม่เลิกการชุมนุม จนรัฐบาลสลายการชุมนุม แล้ว มีผู้โกรธแค้นใช้ความรุนแรงตอบโต้รัฐบาลและผู้สนับสนุนรัฐบาล (3) รัฐบาลไม่ยุบสภา นปช. ไม่เลิกชุมนุม พันธมิตรนำประชาชนเข้าสู้กับ นปช. จนเกิดความโกลาหลแล้ว ทหารทำรัฐประหาร แล้วมีประชาชนออกมาต่อต้านการรัฐประหาร

ท่านผู้อ่านจะเห็นได้ว่า ผลลัพท์ที่เป็นไปได้จากข้อเรียกร้องของ หมอตุลย์และพวก ไม่ว่าจะออกมาในแนวทางใด มีความเสี่ยงที่จะเกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน ของประชาชนทั้งสิ้น

จากการพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน แล้ว ท่านผู้อ่านสามารถสรุปได้จากการพิจารณา แกนนำ พิจารณาข้อเรียกร้อง พิจารณาเหตุผลประกอบข้อเรียกร้อง พิจารณาวิธีการ และ พิจารณาความเป็นไปได้ของผลลัพท์จากข้อเรียกร้อง แล้ว ท่านผู้อ่านจะเห็นได้ชัดทันทีว่า

กลุ่มหมอตุลย์ และ พวก กำลังดำเนินกิจกรรม ที่จะนำสังคมไทยไปสู่วงจรอุบาทว์ วงเวียนกรรม และ ความสูญเสียครั้งใหญ่ ภายใต้ข้อเรียกร้อง และ วิธีการที่กำลังปฏิบัติกันอยู่

การเรียกร้องไม่ให้ มาร์ค ยุบสภานั้น เป็นการเรียกร้องเพื่อคนส่วนใหญ่หรือไม่ เป็นการหยิบยื่นความจริงใจให้แก่สังคมหรือไม่ เป็นข้อเรียกร้องที่จะเป็นผลดีต่อประเทศชาติและประชาชนหรือไม่

“ทำไมต้อง ไม่ ยุบสภา?” หากถามผู้เขียน ก็ตอบได้ทันทีว่า “เพราะจะเป็นการเสียอำนาจ เสียผลประโยชน์ และ เสียหน้า ของคนกลุ่มน้อย ผู้ที่นิยมความเป็น อภิสิทธิ์ชน เหนืออื่นใด”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น